วิธีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก
การเดินทางด้วยเครื่องบินสำหรับผู้ไม่เคยขึ้นเครื่องนั้น สามารถสร้างความประหม่า ได้อย่างไม่น่าเชื่อ สาเหตุหลักๆ นั้นก็คงเป็นเพราะว่าเราเกินความตื่นเต้น ไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร หรือทำตามขั้นตอนแบบไหน เพราะการขึ้นเครื่องนั้นดูเหมือนจะยุ่งยากกว่าการเดินทางแบบอื่น ดังนั้นวันนี้เรารวบรวมเอาขั้นตอนง่ายๆ มาแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังจะเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นครั้งแรก
- จองตั๋วเครื่องบิน

ก่อนจะไปขึ้นเครื่องบินเราก็ต้องทำการจองตั๋วกันก่อนครับ มีให้เลือกมากมายหลายสายการบิน ไม่ว่าจะเป็น การบินไทย ,บางกอกแอร์เวย์ ,ไทยแอร์เอเชีย, นกแอร์ ,ไลออนแอร์ ฯลฯ ส่วนวิธีการจองนั้นก็ทำได้ทั้งการจองผ่านหน้าเว็บของสายการบิน การจองผ่านตัวแทนจำหน่าย หรือไปซื้อที่สนามบินวันเดินทางเลยก็ย่อมได้ (แต่ไปซื้อที่สนามบินตั๋วจะมีราคาที่ค่อนข้างแพงถึงแพงมาก) สิ่งที่สำคัญในขั้นตอนการจองตั๋วก็คือ ชื่อ-นามสกุล ต้องเป็นภาษาอังกฤษ และห้ามพิมพ์ผิดนะครับ ชื่อต้องตรงกับบัตรประชาชนหรือพาสปอตร์ เมื่อเราได้ตั๋วเครื่องบินมาครอบครองแล้วก็เป็นอันจบขึ้นตอนแรก
หลังจากที่เราได้จองตั๋วเครื่องบินกับสายการบิน หรือ เอเจนซี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราจะได้ Itinerary หรือ E-Ticket ใบนี้จะพิมพ์ออกมาเป็นกระดาษหรือจะเก็บไว้ในมือถือก็ได้ ใบ Itinerary หรือ E-Ticket ยังไม่ใช่ตั๋วที่ขึ้นเครื่องได้เลย เราจะต้องผ่านกระบวนการเช็คอิน เพื่อยืนยันว่าเรามาถึงสนามบิน พร้อมขึ้นเครื่องแล้ว สำหรับมือใหม่แนะนำว่าควรไปถึงสนามบินก่อนเครื่องออก 2 ชั่วโมง
- การเช็คอิน

การเช็คอิน กรณีมีประเป๋าต้องโหลด วิธีการก็คือเดินไปที่เคาน์เตอร์ของสายการบินที่เราจองมา เช่น จองตั๋วของแอร์เอเชีย ก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ของแอร์เอเชีย หลักฐานที่ต้องใช้ก็แค่ยื่นบัตรประชาชน หรือพาสปอตร์ เท่านั้นเอง ถ้ามีโหลดกระเป๋าก็ส่งให้พนักงานได้เลยที่จุดนี้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้ Boarding Pass = บัตรโดยสาร เรามา เจ้าตัว Boarding Pass นี่สำคัญเลยครับ จะบอกรายละเอียดเราทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชื่อ-นามสกุล, หมายเลขที่นั่ง, ประตู(เกต)ขึ้นเครื่อง ,เวลาขึ้นเครื่อง ,เวลาเครื่องออก
คำศัพท์ควรรู้ในการขึ้นเครื่องบิน
Boarding Pass = บัตรโดยสาร / ใบผ่านขึ้นเครื่อง
Departure Time = เวลาเครื่องออก
Boarding Time = เวลาขึ้นเครื่อง
Departing = เครื่องออกจาก (สนามบิน) / เวลาออก
Arriving = เครื่องถึงที่หมาย (สนามบิน) / เวลาถึง
Gate = ประตูขึ้นเครื่อง
- ขั้นตอนการขึ้นเครื่อง
สำหรับคนที่ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ขั้นตอนนี้อาจจะดูน่ากังวลที่สุด

เมื่อเราได้ Boarding Pass = บัตรโดยสาร มาแล้วบนนั้นจะมีสิ่งที่ต้องดูก็คือ ชื่อ-นามสกุล ต้องตรงกับบัตรประชาชนหรือพาสปอตร์ SEAT ก็คือตำแหน่งที่นั่งของเราตัวอย่างในรูปก็คือ SEAT 20F ที่นั่งของเราก็คือ แถวที่ 20 ตำแหน่ง F
Flight no. ก็คือหมายเลขไฟลท์ที่เราจะบิน ในตัวอย่างก็คือ ไฟลท์ SL 5800 และปลายที่จะบินคือ เชียงใหม่
GATE ก็คือ ประตูขึ้นเครื่องบินที่เราจะต้องเดินไปรอ ตัวอย่างในรูปคือ GATE 36 ก็ต้องไปรอที่ประตูขึ้นเครื่องหมานเลข 36 (ส่วนนี้สำคัญนะครับต้องไปให้ถูกที่)
Boarding Time ก็คือเวลาที่เรียกขึ้นเครื่องนั้นเอง ในตัวอย่างคือเวลา 10.50น.

ระหว่างทางในสนามบินจะมีหน้าจอแบบนี้ให้เราเช็คตลอดว่าไฟลท์ที่เราจะบินนั้น ต้องไปที่ Gate ไหน
ยกตัวอย่างในภาพเช่น นกแอร์ไฟลท์ที่จะบินไป หาดใหญ่ DD 7120 ต้องไปรอขึ้นเครื่องที่ Gate 36

หลังจากรู้แล้วว่าจะต้องไปขึ้นเครื่องบินที่ Gate ไหน เราก็เดินตามป้ายไปเลยครับ จะมีบอกตลอดทาง

มาถึงที่หน้า Gate ก็จะมีที่นั่งให้รอขึ้นเครื่อง แล้วก็ให้ตรวจเช็คอีกทีว่า เรามาถูก Gate หรือมั้ย เพื่อความชัวร์

หลังจากนั้นพนักงานก็จะเรียกขึ้นเครื่อง ให้เราโชว์บัตรโดยสาร คู่กับบัตรประชาชน หรือ พาสปอตร์ บางสนามบินจะมีงวงให้เราเดินไปขึ้นเครื่อง แต่ในบางสนามบินก็ต้องเดินไปขึ้นเครื่องเองเหมือนรูปดานบน

ขึ้นมาบนเครื่องแล้ว เราก็ต้องไปนั่งตามเลขที่นั่งที่กำหนดไว้บนตั๋วโดยสารครับ ส่วนสัมภาระก็เก็บไว้ด้านบน แล้วก็รัดเข็มขัดนิรภัยไว้ตลอดเวลาเพื่อความปลอยภัย

ผู้โดยสารจะต้องรัดเข็มขัดในเวลาที่เครื่องขึ้น และ ลง แต่เพื่อความปลอดภัยจะแนะนำให้รัดเข็มขัดไว้ตลอดเวลา สำหรับคนที่ไม่เคยขึ้นเครื่อง เวลาเครื่อง Take Off หรือ Landing มักจะมีอาการหูอื้อ แนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่งหรือกลืนน้ำลายบ่อยๆ จะช่วยได้ ถ้ารู้สึกอยากจะอาเจียนให้หยิบถุงอ้วกที่ช่องใส่หนังสือมาใช้ได้ ลักษณะจะเป็นถุงกระดาษสีขาว
บนเครื่องบินมีห้องน้ำแต่จะใช้ได้ช่วงที่เครื่องบินรักษาระดับได้แล้ว ช่วงบินขึ้น (Take Off) และลง (Landing) ไม่สามารถใช้ห้องน้ำได้ ให้สังเกตดูได้จากไฟสถานะห้องน้ำบนเครื่อง ถ้าไฟเขียวแสดงว่าใช้งานได้
- ข้อห้าม
การเดินทางโดยเครื่องบินมีข้อห้ามหลายอย่าง เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ผมจะพูดถึงกฎทั่วไปของทุกสายการบิน ส่วนกฎของแต่ละสายการบิน เช่นน้ำหนักกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง จำนวนสัมภาระติดตัว ฯลฯ ให้ดูได้จากเวบไซต์ของสายการบิน ควรศึกษาก่อนขึ้นเครื่อง

1. ห้ามนำของเหลวถือขึ้นเครื่องเกินชิ้นละ 100 ml (ml, cc, g ให้ถือเป็นค่าเดียวกัน) หากมีความจำเป็นต้องนำของเหลวติดตัวไปด้วยเช่นพวกแชมพู สบู่เหลว ให้ใช้วิธีแบ่งใส่ขวดเล็กๆ หรือถุงใสที่มีปริมาตรไม่เกิน 100 ml โดยวิธีนี้เราสามารถนำของเหลวติดตัวรวมกันแล้วไม่เกิน 1,000 ml ขนาดของของเหลวจะยึดจากฉลากบรรจุภัณฑ์เป็นหลัก เช่น ครีม ที่ฉลากติดไว้ว่า 120 ml ถึงแม้ว่าจะใช้ไปแล้วครึ่งหนึ่งก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ เพราะปริมาตรที่ฉลากระบุไว้เกิน 100 ml ของเหลวที่มีปริมาณเกินที่ระบุไว้จะต้องถูกทิ้งขยะ แต่ในกรณีของเหลวโหลดเป็นสัมภาระใต้ท้องเครื่องจะไม่จำกัดปริมาณ
2. ห้ามนำของมีคม วัตถุไวไฟ อาวุธ ถือขึ้นเครื่อง เช่นกรรไกร มีด คัทเตอร์ ดอกไม้ไฟ ถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจเจอจะต้องถูกทิ้งขยะ
3. น้ำหนักกระเป๋า – สัมภาระขึ้นเครื่อง สายการบิน Air asia ให้นำกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 56x36x23 cm สำหรับกระเป๋าถือของผู้หญิงหรือกระเป๋ากล้องสามารถนำติดตัวไปได้โดยไม่นับว่าเป็นสัมภาระ, สายการบิน Nok Air (Nok Economy) ให้โหลดกระเป๋าได้คนละ 15 กิโลกรัม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น